รวมผลงานนักเตะลิเวอร์พูลหลังสามารถเอาชนะแอสตัน วิลล่าได้สำเร็จ

f:id:ypeedude01:20211217150003j:plain

การแข่งขันพรีเมียร์ลีกในวันที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมา ลิเวอร์พูลสามารถเอาชนะแอสตัน วิลล่าได้สำเร็จด้วยคะแนน 1 ประตูต่อ 0

ทำให้พวกเขาสามารถคว้าคะแนน 3แต้มได้สำเร็จอย่างหวุดวิด การแข่งขันครั้งนี้มีความน่าสนใจเป็นอย่างมากเนื่องจากกุนซือประจำแอสตัน วิลล่าในครั้งนี้เห็นอดีตนักเตะดาวดังจากลิเวอร์พูลอย่างสตีเวน เจอร์ราร์ด วันนี้เราถึงจะพาทุกคนมาดูผลงานนักเตะลิเวอร์พูลแต่ละคนว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง 

  1. อลิสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูที่เกมนี้ทำผลงานได้ไม่ค่อยดีพอ มีจังหวะที่เสียหลักเวลาที่ออกมาตัดบอล การสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีมไม่ค่อยดี มีช่วงที่เตะบอลอัดใส่เพื่อนร่วมทีมกันเกิดเสียประตูด้วย แต่โชคดีที่สามารถเก็บคลีนชีตได้สำเร็จ
  2. เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ในช่วงครึ่งแรกมีโอกาสยิงแถมยังสามารถสร้างโอกาสได้อีกด้วย เกมรับอยู่ในระดับมาตรฐาน มีจังหวะที่เจอปัญหาบ้างแต่ก็ยังสามารถรับมือได้บ้าง
  3. โฌแอล มาติป นักเตะที่แข็งแกร่งมากเมื่อจับคู่กับฟาน ไดค์ สามารถจัดการลูกโด่งของคู่แข่งได้อย่างยอดเยี่ยม มีจังหวะที่ช่วยเกมรุกอีกด้วย
  4. เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ นักเตะที่ในช่วงแรกโดนป่วนจนถูกใบเหลือง แต่หลังจากนั้นก็สามารถทำผลงานได้ดี ตำแหน่งยืนดี เคลียร์บอลได้หลายครั้ง ในช่วงครึ่งหลังยังสามารถเกือบทำประตูได้ด้วย
  5. แอนดี้ โรเบิร์ตสัน นักเตะที่สามารถเติมเกมรุกได้อย่างยอดเยี่ยมและมีประสิทธิภาพ สามารถสร้างโอกาสได้ถึง 3 ครั้งซึ่งมากที่สุดในเกม มีจังหวะลุ้นจากการทำประตูด้วยลูกโหม่ง เกมลับไม่มีอะไรผิดพลาด
  6. ฟาบินโญ่ นักเตะที่สามารถตัดเกมได้หลายครั้งและโดดเด่นมากที่สุดในกองกลาง สามารถเร่งเครื่องทำประตูได้เป็นอย่างดี
  7. จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมที่ทำงานหนักอยู่เสมอ มีส่วนร่วมกับเกมอยู่ตลอด สามารถเชื่อมเกมได้อย่างยอดเยี่ยม
  8. ติอาโก้ อัลกันตาร่า ในครั้งนี้ฟอร์มถือว่าต่ำกว่ามาตรฐาน ผ่านบอลได้ไม่ดีเท่าที่ควร เป็นเกมที่ต้องเผชิญกับความยากลำบากไม่น้อย
  9. โมฮาเหม็ด ซาลาห์ นักเตะที่มีโอกาสยิงหลายครั้งแต่กลับไม่สามารถจบสกอร์ได้อย่างเฉียบคมพอ แต่ดีที่เป็นคนที่สามารถเรียกจุดโทษได้สำเร็จและแต่ข้าวอย่างยอดเยี่ยม ทำให้ยังเป็นที่พึ่งของทีมได้อยู่เสมอ
  10. ซาดิโอ มาเน่ นักเตะที่ทำได้ดีหลายครั้งแต่น่าเสียดายที่ในจังหวัดสุดท้ายมีการเสียจังหวะ การจบสกอร์ไม่คมพอ
  11. อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด- แชมเบอร์เลน นักเตะที่ได้ลงตำแหน่งตัวจริงในกองหน้าตัวเป้า แต่ผลงานยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร มีโอกาสในการยิงลูกไกลเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น

 

อ่านข่าวเพิ่มเติมที่ :: ข่าวกีฬาออนไลน์

แฟนเพจเฟสบุ๊ค :: Extremesoccer89

เปิดรายชื่อ 16 ทีมสุดท้ายที่ได้เข้าสู่รอบน็อคเอาท์การแข่งขัน UEFA Champions League

f:id:ypeedude01:20211215112536j:plain

ในที่สุดการแข่งขันยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกรอบแบ่งกลุ่มก็ได้จบลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันจึงมีบทสรุปรายชื่อ 16 ทีมสุดท้ายที่ได้เข้าสู่รอบน็อคเอาท์ของการแข่งขันเป็นที่เรียบร้อย

ต้องยอมรับเลยว่าการแข่งขันในครั้งนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างที่พลิกผันอย่างน่าเหลือเชื่อ วันนี้เราจะพามาดูกันว่ามีสโมสรอะไรบ้างที่ได้เข้ารอบ 

  1. แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สโมสรที่ต้องพ่ายแพ้ให้กับไลป์ซิกแต่ไม่มีผลเนื่องจากเขาได้รับการการันตีแชมป์กลุ่มเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
  2. ปารีส แซงต์-แชร์กแมง สโมสรที่สามารถเข้ารอบน็อคเอาท์ได้ตามการคาดหมายแม้ว่าผลงานจะไม่ได้สวยหรูมากเท่าไหร่ก็ตาม
  3. ลิเวอร์พูล สโมสรที่ได้รับการจับตามองมากที่สุดเนื่องจากสามารถเก็บชัยชนะได้ 6 เกมรวด
  4. แอตเลติโก มาดริด สโมสรแชมป์ 3 สมัยที่สามารถผ่านเข้ารอบมาได้แบบฉิวเฉียดถึงขั้นที่ต้องลุ้นกันยันเกมสุดท้ายเลยทีเดียว
  5. อาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัม สโมสรยักษ์ใหญ่ที่สามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยสถิติชนะ 6 ครั้งลวดเช่นเดียวกับลิเวอร์พูลแถมยังสามารถทำได้ถึง 20 ประตูเลยทีเดียว
  6. สปอร์ติ้ง ลิสบอน สโมสรที่สามารถทำผลงานได้ดีเกินคาดในการแข่งขันครั้งนี้แถมยังเอาตัวรอดจากการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มได้สำเร็จ
  7. เรอัล มาดริด แชมป์ 13 สมัยที่ผลงานยังอยู่ในระดับมาตรฐานแม้ว่าในการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มจะมีบ้างที่แพ้ก็ตาม
  8. อินเตอร์ มิลาน สโมสรแชมป์กัลโช่ เซ เรีย อา อิตาลีที่สามารถทำผลงานได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียวแถมยังได้รับการการันตีเข้ารอบน็อคเอาท์ก่อนถึงนัดสุดท้ายอีกด้วย
  9. บาเยิร์น มิวนิค สโมสรแชมป์ 6 สมัยที่ยังคงเป็นตนเองอยู่เสมอ ในฤดูกาลนี้ยังคงโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมเหมือนเดิมด้วยการเก็บชัยชนะรวด 6 นัด
  10. เบนฟิก้า สโมสรที่สามารถขึ้นมาถึงรองแชมป์กลุ่มได้สำเร็จแม้ผลงานจะทำได้ไม่ค่อยดี แต่ก็เป็นทีมที่มีจุดแข็งของตัวเอง
  11. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นสโมสรที่ผลงานกระท่อนกระแท่นแต่ก็คว้าชัยชนะได้หลายครั้งด้วยฝีมือของโรนัลโด้ สุดท้ายก็จบการแข่งขันไปด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม
  12. บียาร์เรอัล สโมสรรองแชมป์กลุ่มที่สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจนไม่ต้องลุ้นป้องกันแชมป์ยูฟ่า ยูโรป้า ลีกแต่อย่างใด
  13. ลีลล์ สโมสรที่มีผลงานในระดับมาตรฐานด้วยการคว้าชัยชนะทั้งหมด 3 ครั้งด้วยกัน ผลงานค่อนข้างน่าประทับใจ
  14. เรดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก สโมสรผลงานยอดเยี่ยมจากออสเตรเลียที่มีฟอร์มการเล่นน่าประทับใจแม้ว่าช่วงหลังจะมีการแพ้ 2 นัดรวดก็ตาม เป็นครั้งแรกที่สามารถเข้ารอบน็อคเอาท์ได้สำเร็จ
  15. ยูเวนตุส สโมสรที่ในลีกผลงานค่อนข้างน่าผิดหวังแต่ในการแข่งขันแชมป์เปียน ลีกกับคว้าชัยชนะไปได้กว่า 5 ครั้งเลยทีเดียว
  16. เชลซี สโมสรแชมป์เก่าที่เข้ารอบในฐานะรองแชมป์กลุ่มอย่างน่าเสียดาย แต่พวกเขาก็ยังคงเป็นทีมที่น่ากลัวสำหรับคู่แข่งอยู่ดี

อ่านข่าวเพิ่มเติมที่ :: ข่าวกีฬาออนไลน์

แฟนเพจเฟสบุ๊ค :: Extremesoccer89

เปิดรายชื่อทีมยอดเยี่ยมประจำการแข่งขันพรีเมียร์ลีกสัปดาห์ที่ 15 ที่ไร้เงาของเชลซี

f:id:ypeedude01:20211214170040j:plain



การแข่งขันพรีเมียร์ลีกตลอดระยะเวลา 14 สัปดาห์ที่ผ่านมานั้นต้องยอมรับเลยว่าจ่าฝูงของเราอย่างเชลซีนั้นเป็นสโมสรที่สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เรียกได้ว่าเราแทบไม่ต้องลุ้นเลยว่าการแข่งขันครั้งนี้พวกเขาจะแพ้หรือจะชนะ

เพราะส่วนใหญ่แล้วพวกเขาจะสามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมจนไม่มีอะไรที่จะทำให้เรารู้สึกเซอร์ไพรส์อีกต่อไป จนกระทั่งในสัปดาห์ที่ 15 ที่พวกเขานั้นต้องเผชิญกับความพ่ายแพ้เป็นครั้งแรกและต้องหลุดจากอันดับจ่าฝูง ทำให้รายชื่อทีมยอดเยี่ยมในการแข่งขันสัปดาห์นี้ไร้เงาของเชลซีอย่างสิ้นเชิง วันนี้เราจะพาทุกคนมาดูกันว่ามีใครที่ติดอันดับบ้าง

  1. เอแดร์ซอน ผู้รักษาประตูจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมโดยเฉพาะการใช้เท้า สามารถคุมบริเวณปากประตูได้อย่างสวยงามแม้ว่าจะไม่สามารถเก็บคลีนชีตได้ก็ตาม
  2. เอซรี่ คอนซ่า กองหลังจากแอสตันวิลล่าที่สามารถทำประตูจนพลิกเอาชนะเลสเตอร์ ซิตี้ได้สำเร็จแม้ว่าลูกแรกเกิดมาจากความไม่ตั้งใจก็ตาม
  3. ดาวินซอน ซานเชซ กองหลังจากท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ที่สามารถพลิกฟอร์มการเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมและกลับมาโชว์ฝีมือโดดเด่นได้อีกครั้งในการถล่มนอริชซิตี้หลังจากที่ผลงานย่ำแย่มาหลายครั้ง
  4. จามาล ลาสเซลล์ส กองหลังจากนิวคาสเซิ่ลที่มีส่วนสำคัญที่ทำให้เกมนี้สามารถเก็บคลีนชีตได้สำเร็จเป็นครั้งแรกของฤดูกาลและคว้าชัยชนะได้เป็นครั้งแรกอีกด้วย
  5. ราฮีม สเตอร์ลิง กองกลางจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่ได้มีโอกาสเป็นตัวจริงอีกครั้งและได้มีส่วนร่วมกับการทำประตูมากยิ่งขึ้นถึงขั้นที่มีชื่อขึ้นสกอร์บอร์ดเลยทีเดียว
  6. แบร์นาโด้ ซิลวา กองกลางจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่ไม่มีใครสงสัยเลยแม้แต่น้อยว่าทำไมเขาถึงได้ก้าวมาเป็นตัวหลักในการทำประตูของสโมสร โดยปัจจุบันเขาสามารถทำไปได้แล้วเจ็บประตูซึ่งมากกว่าที่เขาทำได้ในฤดูกาล 2018 เสียอีก
  7. เฟร็ด กองกลางจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่อดีตเคยโดนสาปแช่งแต่ตอนนี้กับสามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งเกมรุกและเกมรับ ไม่เพียงเท่านั้นยังสามารถทำประตูให้สโมสรคว้าชัยชนะได้อีกด้วย
  8. จาร์ร็อด โบเวนจากเวสต์แฮม ยูไนเต็ด นักเตะที่สามารถพลิกสถานการณ์จากความพ่ายแพ้กลับมาชนะได้สำเร็จ
  9. ริชาร์ลิซอน กองหน้าจากเอฟเวอร์ตันที่มีความพยายามอย่างยอดเยี่ยมและสามารถวิ่งไล่กวดเพื่อให้ทีมสามารถกลับมาครองบอลได้อีกครั้ง สุดท้ายก็สามารถทำประตูได้สำเร็จ
  10. นีล โมเปย์ กองหน้าจากไบรท์ตันที่เปรียบเสมือนเป็นฮีโร่ในการทำประตูจนในครั้งนี้สามารถพาทีมจบเกมได้ด้วยการเสมอกัน
  11. ดิว็อค โอริกี้ กองหน้าจากลิเวอร์พูลที่ลงสนามในฐานะตัวสำรองแต่กลับสามารถช่วยให้สโมสรคว้าชัยชนะได้สำเร็จในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ

อ่านข่าวเพิ่มเติมที่ :: ข่าวกีฬาออนไลน์

แฟนเพจเฟสบุ๊ค :: Extremesoccer89

วิเคราะห์ประเด็นก่อนลิเวอร์พูลเดินทางไปเยือนเอซี มิลานในการแข่งขันแชมป์เปียน ลีก

f:id:ypeedude01:20211214165855j:plain

สถานการณ์ในวงการฟุตบอลตอนนี้เรียกได้ว่าเต็มไปด้วยความดุเดือดไปทั่วทุกภูมิภาค โดยเฉพาะสโมสรในพรีเมียร์ลีกนั้นเรียกได้ว่ามีเรื่องให้เราต้องตื่นเต้นลุ้นระทึกกันแทบจะทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันพรีเมียร์ลีกที่เต็มไปด้วยความเข้มข้นและในสัปดาห์นี้ยังมีการเปลี่ยนตำแหน่งของจ่าฝูงอีกด้วยซึ่งคะแนนนั้นต่างกันเพียงแค่ 1 คะแนนเท่านั้น

 

สำหรับอันดับที่ 1 ถึง 3 เล่นเอาแฟนบอลของ 3 อันดับสโมสรแลกหายใจกันไม่ทั่วท้องเลยทีเดียว ไม่เพียงเท่านั้นการแข่งขัน UEFA Champions League เองก็เข้มข้นไม่น้อยเช่นเดียวกัน โดยในวันที่ 7 ธันวาคมนี้จะเป็นการแข่งขันระหว่างลิเวอร์พูลมีนัดไปเยือนกับเอซี มิลานในการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มบีครั้งสุดท้าย

 

ตอนนี้สถานการณ์ของลิเวอร์พูลไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงเนื่องจากพวกเขาสามารถเข้ารอบน็อคเอาท์ในฐานะของแชมป์กลุ่มได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว มันจะไม่มีความจำเป็นที่ว่าเขาจะต้องส่งผู้เล่นชุดใหญ่ลงสนามแต่อย่างใด มันจึงเป็นโอกาสอันดีที่นักเตะสำรองหรือนักเตะดาวรุ่งดวงใหม่จะได้มีโอกาสแสดงฝีมือในเวทีใหญ่ วันนี้เราจึงจะพาทุกคนมาดูประเด็นที่น่าสนใจในการแข่งขันคณิตกัน

  1. การ rotation ทีมแบบยกชุด การ Rotation นั้นเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมากในการจัดการทีมฟุตบอลเนื่องจากหากเราใช้ทีมใหญ่อยู่ตลอดเวลาก็จะทำให้นักเตะในทีมนั้นร่างกายอ่อนล้า อย่างที่เรากล่าวไปข้างต้นว่าลิเวอร์พูลนั้นได้ลอยลำเข้าสู่รอบน็อคเอาท์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ครั้งนี้จึงเป็นการแข่งขันอันดีที่คุณซื้อจะได้จัดทีมชุดใหม่ลงสนามไม่ว่าจะเป็นตัวสำรองหรือนักเตะดาวรุ่งดวงใหม่ก็ตาม
  2. อิบราฮิโมวิช นักเตะวัย 40 ปีที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ ในการแข่งขันนัดแรกเขาไม่ได้มีโอกาสลงสนาม แต่ในครั้งนี้เขามีความพร้อมเป็นอย่างมากที่จะถล่มประตูใส่ลิเวอร์พูล เขาเป็นนักเตะคนสำคัญที่มีส่วนช่วยให้สโมสรเอซี มิลานได้ขึ้นไปรั้งจ่าฝูงในการแข่งขันกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ดังนั้นเขาจึงเป็นนักเตะอีกคนที่ลิเวอร์พูลควรระมัดระวัง
  3. ความต้องการคว้าชัยของมิลาน รู้หรือไม่ว่าเอซี มิลานนั้นไม่สามารถเอาชนะสโมสรในลีกสูงสุดของอังกฤษอย่างพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จมาตั้งแต่ปี 2012 แล้ว การแข่งขันครั้งสุดท้ายที่พวกเขาสามารถเอาชนะทีมจากอังกฤษได้ก็คือการเอาชนะอาร์เซนอลในการแข่งขันแชมป์เปียน ลีกในรอบ 16 ทีมสุดท้าย หลังจากน้ำท่วมเขาก็ไม่เคยพบกับชัยชนะอีกเลย

 

อ่านข่าวเพิ่มเติมที่ :: ข่าวกีฬาออนไลน์

แฟนเพจเฟสบุ๊ค :: Extremesoccer89



อดีตนักเตะแมนยูบทลงโทษแปลกประหลาดสมัยที่ยังอยู่กับสโมสร

f:id:ypeedude01:20211211193344j:plain

เพื่อให้นักเตะมีความเป็นระเบียบเรียบร้อยเชื่อว่าหลายสโมสรนั้นก็ย่อมมีมาตรการและกฏที่เต็มไปด้วยความเข้มงวดอย่างแน่นอนเพื่อให้นักเตะมีวินัยในการฝึกซ้อมและพาทีมไปสู่ความสำเร็จให้ได้ และสิ่งที่จะตามมาพร้อมกับกฎและมาตรการเหล่านี้ก็คือบทลงโทษนั่นเอง

 

เราจะเห็นว่าแต่ละสโมสรมันก็จะมีบทลงโทษที่แตกต่างกันออกไปไม่ว่าจะเป็นการงดลงสนาม การปรับเงิน บางทีก็อาจจะมีการใช้การหักคะแนน แต่ความจริงแล้วมีหลายสโมสรไม่น้อยที่มีบทลงโทษแปลกประหลาดซุกซ่อนอยู่ที่เราไม่มีวันรู้เลยจนกว่านักเตะจะออกมาเปิดโรงแฉด้วยตัวเอง อย่างเช่นในกรณีล่าสุดที่อดีตนักเตะแมนยูคนดังอย่างซลาตัน อิบราฮิโมวิชได้มีการออกมาเปิดเผยว่าสมัยที่เขายังอยู่กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขาเคยต้องถูกปรับเป็นเงินจำนวน 1 ปอนด์หลังจากที่เขานั้นดื่มน้ำผลไม้ในโรงแรม

 

โดยเขาได้กล่าวว่าการลงโทษดังกล่าวนี้เป็นการลงโทษที่แปลกประหลาดมากๆ และยังเปรียบเทียบอีกด้วยว่าตอนนี้ที่เขาอยู่กับเอซี มิลานไม่เคยพบเจอการลงโทษที่แปลกประหลาดแบบนี้มาก่อนเลย ซลาตันนั้นเป็นนักเตะคนดังประจำเอซี มิลาน สโมสรชื่อดังในการแข่งขันกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี เขาได้ออกมาเปิดเผยว่าตนเองรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมากกับการที่แมนยูเคยปรับเงินเขาเป็นเงินไทยประมาณ 44 บาทหลังจากที่เขานั้นดื่มน้ำผลไม้ในโรงแรมที่สโมสรให้ใช้ในการพักผ่อน

 

ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ครั้งหนึ่งเคยเป็นนักเตะคนดังประจำแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเช่นเดียวกัน ขอสามารถทำผลงานได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียวแต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจที่จะบอกลาสโมสรในเดือนมีนาคม 2018 ที่ผ่านมาแล้วไปลงสนามกับ Los Angeles Galaxy แทน

 

ล่าสุดเขาได้มีการออกมาเขียนหนังสืออัตชีวประวัติเป็นของตัวเองขึ้นมาโดยบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของเขาหลากหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นทั้งชีวิตส่วนตัวรวมไปถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวงการฟุตบอล และหนึ่งในสิ่งที่เขาเขียนก็คือการที่เขาบอกว่าครั้งหนึ่งเขาเคยโดนปรับเงิน 1 ปอนด์สมัยอยู่กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเนื่องจากเขาดื่มน้ำผลไม้ในมินิบาร์ของโรงแรมที่เขาใช้พักก่อนถึงวันแข่งขัน ด้วยเขายอมรับว่ามันเป็นมาตรการที่แปลกประหลาดพอสมควรเลยทีเดียว และเขายังเปรียบเทียบอีกด้วยว่าผู้บริหารของมิรานอย่างกัลเลียนี่ไม่เคยมีการออกมาตรการอะไรแบบนี้มาก่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว

 

และยังกล่าวเสริมอีกว่าถ้าหากตนเองมีนัดประชุมในกรุงโรมกัลเลียนี่จะทำให้เขามั่นใจว่าเขาจะได้ใช้เครื่องบินเจ็ทของสโมสรโดยที่เขาไม่ต้องจ่ายเงิน เขาไม่ได้บอกว่าทุกอย่างควรจะเป็นของฟรีแต่อย่างใด แต่คุณคิดเงินกับน้ำผลไม้เหรอ แล้วคุณยังบอกอีกว่าตัวเองนั้นเป็นหนึ่งในสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกด้วยอีกเนี่ยนะ

 

อ่านข่าวเพิ่มเติมที่ :: ข่าวกีฬาออนไลน์

แฟนเพจเฟสบุ๊ค :: Extremesoccer89

ดราม่าเต็มโซเชียล หลังบรูโน่ผลักเจ้าหน้าที่สนามเชลซี

f:id:ypeedude01:20211202125522j:plain

การแข่งขันพรีเมียร์ลีกเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายนที่ผ่านมานั้นมีสถานการณ์มากมายเกิดขึ้น โดยเฉพาะในการแข่งขันนัดพบกันระหว่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและเชลซี

 

หลายคนคาดการณ์เอาไว้ว่าการแข่งขันในครั้งนี้น่าจะจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของแมนยูจากพวกเขายังไม่มีกุนซือตัวจริงคอยคุมทีมลงสนาม ไม่เพียงเท่านั้นคู่แข่งของพวกเขาอย่างเชลซีนั้นเป็นสโมสรที่สามารถทำผลงานได้ดีมาโดยตลอด ไม่เพียงเท่านั้นยังเป็นสโมสรที่อยู่อันดับ 1 บนตารางคะแนนทิ้งห่างจากสโมสรอันดับ 2 ไปมากพอสมควร

 

แต่สิ่งที่หลายคนไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อในช่วงแรกแมนยูกลับเป็นทีมที่สามารถทำคะแนนขึ้นนำได้สำเร็จเสียอย่างนั้น ใครจะคิดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะทำให้นักเตะหลายคนดีใจจนเกิดเหตุการณ์ดราม่าขึ้นมาในภายหลังจนทำให้โลกโซเชียลร้อนระอุกับการวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมของนักเตะคนหนึ่งในแมนยูนั่นก็คือบรูโน่ แฟร์นันด์สนั่นเอง เหตุการณ์นั้นเริ่มต้นจากการที่สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดสามารถทำประตูขึ้นนำได้จังหวะที่จอร์จินโญ่บอลจนทำให้เจดอน ซานโช่สามารถแย่งบอลเข้ามาได้ จากนั้นเขาก็สามารถทำประตูได้สำเร็จทำให้นักเตะแมนยูรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากจนวิ่งไปฉลองใกล้กับบริเวณอัฒจันทร์ของทีมเยือน

 

อย่างที่เราทราบกันดีว่าอารมณ์ของแฟนบอลที่เชียร์ในสนามนั้นเต็มไปด้วยความรุนแรง มันจึงเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในสนามที่จะต้องคอยกันนักเตะออกจากอัฒจันทร์เพื่อไม่ให้พวกเขาได้รับอันตราย 

 

สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือบรูโน่ แฟร์นันด์สได้ทำการใช้แขนผลักเจ้าหน้าที่อย่างรุนแรง หลายคนคาดการณ์เอาไว้ว่าสาเหตุหนึ่งที่ทำให้นักเตะผู้นี้กระทำการรุนแรงต่อเจ้าหน้าที่ก็เป็นเพราะว่าเจ้าหน้าที่สนามผู้นี้เป็นเจ้าหน้าที่ของสโมสรเชลซีนั่นเอง

 

หลังจากเขาแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเป็นที่เรียบร้อยแล้วเขาก็เดินกลับสนามซ้อมกับเพื่อนร่วมทีม คลิปวีดีโอดังกล่าวได้เผยแพร่ไปทั่วโลกอินเตอร์เน็ตและกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง แฟนบอลหลายคนไม่เว้นแม้กระทั่งแฟนบอลแมนยูเองต่างก็ไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมที่รุนแรงของบรูโน่ มีข้อความมากมายบนทวิตเตอร์อย่างเช่นบรูโน่ไปผลักเจ้าหน้าที่สนาม ฉันรักนายแต่อย่าทำแบบนี้เลย เจ้าหน้าที่ข้าทำงานของตัวเอง

 

บรูโน่ผับเจ้าหน้าที่ที่ทำงานของตัวเองควรจะโดนไล่ออก พฤติกรรมของเขาทุเรศมากที่สุด รวมไปถึงยังมีการตั้งคำถามมากมายว่าการที่นักเตะแสดงพฤติกรรมรุนแรงในครั้งนี้เขาจะถูกแบนหรือไม่ อย่างไรก็ตามจากประเด็นดังกล่าวทางแมนยูรวมไปถึงตัวนักเตะเองยังไม่ได้มีการออกมาชี้แจงอะไรเพิ่มเติมแต่อย่างใด 

 

อ่านข่าวเพิ่มเติมที่ :: ข่าวกีฬาออนไลน์

แฟนเพจเฟสบุ๊ค :: Extremesoccer89

อดีตกองหน้าแมนยูเผยสาเหตุที่ทำให้แมนยูไม่คืบหน้าตั้งแต่ยุคเซอร์อเล็กซ์

f:id:ypeedude01:20211126125312j:plain

ถ้าพูดถึงช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์มากที่สุดสำหรับสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็คงจะหนีไม่พ้นช่วงเวลาที่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันได้เป็นกุนซือคุมทีมนั่นเอง

 

มันเป็นช่วงเวลาที่นักเตะหลายคนไม่ว่าจะทั้งในอดีตหรือปัจจุบันต่างก็โหยหาไม่ต่างอะไรจากแฟนคลับ เนื่องจากเซอร์อเล็กซ์นั้นเป็นกุนซือมากความสามารถที่ไม่ได้มีดีเฉพาะการวางกลยุทธ์ในการแข่งขันเท่านั้นแต่ยังรู้จักนักเตะแต่ละคนเป็นอย่างดีและสามารถงัดฟอร์มของพวกเขาออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมสมกับเป็นกุนซือมือทอง

 

แต่หลังจากยุคนั้นผ่านไปแมนยูก็ไม่เคยประสบความสำเร็จหรือเรื่องไปแต่ความรุ่งโรจน์แบบในช่วงนั้นเลยได้แม้แต่ครั้งเดียว แถมยังต้องเผชิญกับปัญหาวิกฤตกุนซือหลายต่อหลายครั้งไม่ว่าจะเป็นตอนที่ปลดออกโชเซ่ มูรินโญ่ออกหรือยังในกรณีล่าสุดที่ต้องปลดโอเล่ กุนนาร์ โซลชาออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม

 

ประเด็นดังกล่าวทำให้หลายคนตั้งคำถามไม่น้อยเลยทีเดียวว่าเพราะเหตุใดแมนยูจึงไม่เคยประสบความสำเร็จอีกเลยนับตั้งแต่ยุคนั้น 

 

อดีตกองหน้าของแมนยูอย่างซลาตัน อิบราฮิโมวิชได้ออกมาเปิดเผยถึงสาเหตุที่ทำให้แมนยูยังคงไปไม่ถึงไหนนับตั้งแต่ยุคของเซอร์อเล็กซ์ ว่าเพราะเหตุใดสโมสรจึงยังคงย่ำอยู่ที่เดิมและไม่สามารถคว้าแชมป์ในรายการแข่งขันพรีเมียร์ลีกได้เลยนับตั้งแต่เซอร์อเล็กซ์จากทีมไป นั่นก็เป็นเพราะว่าทุกคนยังคงยึดติดและมัวแต่คิดถึงความสำเร็จที่หอมหวานในอดีตมากจนเกินพอดีนั่นเอง โดยเขาได้กล่าวผ่านสื่ออังกฤษอย่างเดอะ การ์เดี้ยนว่า

 

พวกเขาพูดถึงเรื่องในอดีตมากจนเกินไป ตอนที่เขาได้ย้ายไปเล่นกับแมนยูเขาบอกว่าเขามาที่นี่เพื่อมุ่งมั่นให้กับปัจจุบันและจะสร้างเรื่องราวของตัวเองขึ้นมา เมื่อคุณพูดถึงแต่อดีตเกี่ยวกับความสำเร็จที่เคยได้รับ มันจะทำให้คุณต้องวนอยู่ในวัฏจักรที่ย่ำแย่ ดังนั้นเราจึงต้องคิดถึงเรื่องในปัจจุบันเท่านั้น ไม่เช่นนั้นเราก็ควรที่จะไปโรงพยาบาลเพื่อล้างความคิดแบบนี้ในสมองออกไป

 

ไม่เพียงเท่านั้นเขายังบอกต่ออีกว่าการแข่งขันพรีเมียร์ลีกนั้นเป็นการแข่งขันที่นักเตะไม่ได้มีเทคนิคไปมากกว่า 4 การแข่งขันใหญ่ในยุโรปเลยแม้แต่น้อยหลังจากที่เคยผ่านการแข่งขันมาทั้งลีก เอิง ลา ลีกา และเซเรีย อา เขาไม่ได้เล่นเพียงแค่บุนเดสลีกาเท่านั้น แต่ก็สามารถพูดได้ว่ามันไม่ได้มีอะไรต่างกันเลย เพียงแต่ว่าทั้งในอิตาลี ฝรั่งเศส และสเปนนั้นนักเตะมีเทคนิคที่ดีกว่าทำให้นักเตะต่างชาติมากมายถูกดึงมาเล่นในการแข่งขันพรีเมียร์ลีก 

 

อ่านข่าวเพิ่มเติมที่ :: ข่าวกีฬาออนไลน์

แฟนเพจเฟสบุ๊ค :: Extremesoccer89